Siriwach Suansawat

ในโลกธุรกิจ ค่าการตลาดมักจะสูงกว่าต้นทุนการผลิต การจะเพิ่มรายได้ของเกษตรกร คือการควบคุมต้นทุนการผลิต ให้ลดต่ำมากที่สุด ในอีกมุมหนึ่ง เกษตรกรสามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม ให้กับตนเองและผลิตผลของเราได้ ด้วยการสร้างแบรนด์ สื่อสาร บอกเล่าเรื่องราว ใช้กลยุทธ์ Pull marketing ดึงผู้บริโภคให้เข้าหา ค้นหาความต้องการ สร้างความต้องการ ให้เกิดกับผลผลิตที่เราเป็นผู้ผลิตและจำหน่าย ที่ใดมีความต้องการ ( Demand) ที่นั่นมีธุรกิจ หน้าแรก             สารบัญเนื้อหา

ธุรกิจคือการแลกเปลี่ยน การจะได้ข้อมูล หรือผลประโยชน์ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้มาฟรี หากคิดจะเอาแต่ได้ ก็จะไม่ได้อะไร ต้องเสียอะไรบางอย่าง เพื่อให้ได้มาซึ่งอะไรบางอย่าง ก่อนจะได้ จึงต้องให้ ให้เพื่อได้ ต้องการเพียงหนึ่ง   จึงต้องให้สิบ ส่งมอบให้มากกว่าความคาดหวัง แล้วจะได้ในสิ่งที่คาดหวัง มากกว่าสิ่งที่ส่งมอบ ทำธุรกิจอย่างสร้างสรรค์ คิดให้ได้ว่าลูกค้าจะได้อะไร จากการทำธุรกิจร่วมกับเรา ภายใต้ทรัพยากรที่เรามี อยากได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากลูกค้า ก็ต้องให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับลูกค้า อยากได้ผลประโยชน์จากลูกค้า ก็ต้องเอาผลประโยชน์มาให้ลูกค้า เหล่านี้จะก่อให้เกิดพัฒนาการ และการต่อยอดขึ้นไปอีกระดับ ทั้งความสัมพันธ์และขนาดธุรกิจ ถ้าไม่มีข้อมูล ไม่มีผลประโยชน์มาแลก ก็เอาแรงมาแลก ทำงานให้หนักเพื่อลูกค้า ลูกค้าหรือจะใจดำให้เราทำงานฟรี ลูกค้าไม่เคยรบกวนเรา เราก็ไม่ได้รบกวนลูกค้า เราช่วยลูกค้า ลูกค้าก็ช่วยเรา หน้าแรก             สารบัญเนื้อหา

กลยุทธ์การบริหารลูกค้าสัมพันธ์ (Customer relationship management) และกลยุทธ์การบริหารประสบการณ์ของลูกค้า (Customer experience management) เป็นลำดับขั้นของการทำการตลาด -: Marketing concept เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า -: Customer satisfaction จนเกิดเป็นความสัมพันธ์ -: Customer relationship management และความผูกพันกับแบรนด์ในที่สุด -: Customer experience management ก่อตัวจากองค์ประกอบที่กลมเกลียวของ รูปลักษณ์ทางกายภาพ ( Figures) ประโยชน์ที่แท้จริง     (Attributes) และอารมณ์ ความรู้สึก ( Emotion) รวมทั้งใช้การสื่อสาร ถึงองค์ประกอบข้างต้น ให้เกิดการใช้งานสินค้า ผลักดันให้เกิดการใช้ซ้ำ จนกระทั่งเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ในธุรกิจเกษตรเราได้พัฒนารูปแบบ มาจนถึงขั้นของการสร้างความสัมพันธ์ จนกระทั่งเป็นความใส่ใจซึ่งเป็นขั้นสูงกว่า ของขบวนการทางการตลาดในยุคปัจจุบัน ไม่ใช่แค่เพียงทำให้ลูกค้ารักเรา เราต่างหากที่ต้องรักและเข้าใจลูกค้า เพื่อจักสามารถทำสิ่งที่ถูกต้องได้อย่างตรงใจ จึงจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ของการสร้างความผูกพัน ไม่ต้องใช้เครื่องมือทางการตลาด เพราะเราข้

Individual selling การขายโดยบุคคล คือส่วนหนึ่งของ Relationship marketing หรือการตลาดโดยใช้ความสัมพันธ์ มากกว่าจะว่ากันที่ผลประโยชน์ จะถูกหรือแพง กำไรมากน้อย จะมีหรือไม่มีก็ไม่ว่ากัน คู่ค้าถูกใจกัน มีใจตรงกัน เป็นพอ ผู้ขายวางประโยชน์ที่ได้รับ ของผู้ซื้อเป็นที่ตั้ง ผู้ซื้อเชื่อมั่นในผู้ขายและสินค้า ธุรกิจเกิดขึ้นจากความซื่อสัตย์และไว้วางใจ ยึดมั่นในหน้าที่และสิทธิของตนเอง ต้องคิดไว้เสมอว่า ลูกค้า บริษัท บุคลากร คือสามประสานที่จะเดินไปข้างหน้าด้วยกัน เอื้อประโยชน์ต่อกัน ขาดไม่ได้แม้องค์ประกอบใด ตามลำดับความสำคัญ เพียงฝ่ายใดได้ประโยชน์มากกว่าฝ่ายใด กิจการก็ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ แม้เพียงชั่วระยะเวลา เพียงความซื่อสัตย์ จริงใจที่มอบให้ สิ่งที่ได้รับคือมิตรภาพและความภักดี อันมีคุณค่ามากกว่ามูลค่าทางธุรกิจที่ได้รับ ผลประโยชน์อื่นใดก็ไม่สามารถสั่นคลอน ต่อมิตรภาพและความภักดีที่เกิดขึ้นมาได้ ก่อเกิดเป็นความผูกพัน ตามลำดับขั้นของทุกหน่วยธุรกิจ ร่วมกันสร้างขึ้นมา หน้าแรก             สารบัญเนื้อหา

สินค้าหรือตราสินค้าที่จะถูกสร้างแบรนด์ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นสินค้าที่มีคุณภาพดีที่สุด ราคาถูกที่สุด หรือต้องเป็นผู้นำในด้านต่างๆ แต่สินค้าที่เป็นผู้นำด้านต่างๆ ในตลาด ล้วนต้องผ่านการสร้างแบรนด์มาแล้วทั้งสิ้น องค์กรผู้เป็นเจ้าของสินค้าและตราสินค้า จักต้องสร้างแบรนด์เพื่อสร้างการตระหนักรู้ ให้กับผู้ใช้สินค้านั้น โดยการสำรวจจุดสร้างความพึงพอใจ เพื่อสร้างความพึงพอใจให้ได้อย่างต่อเนื่อง ผ่านกิจกรรมสื่อสารทางการตลาดขององค์กร เพื่อการเน้นย้ำ เน้นย้ำ และเน้นย้ำ ความสำเร็จของการสร้างแบรนด์ วัดผลได้จากความต่อเนื่อง ของการบริโภคสินค้าและการเข้ารับการบริการ ยอดขายที่ก้าวกระโดด ในลักษณะของกราฟที่สูงชัน เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างแบรนด์ ที่เกิดจากแรงโฆษณาและการประชาสัมพันธ์ ซึ่งคือหน่วยย่อยของการสื่อสารแบบบูรณาการ (Integrated marketing communication) เพื่อผลลัพธ์ของการสร้างแบรนด์ ภาพลักษณ์ที่ปรากฎ ( Brand image) เกิดจาก วิสัยทัศน์ของแบรนด์ ( Brand vision) ที่ถูกถ่ายทอดออกมาเป็น พิมพ์เขียวของแบรนด์ ( Brand architecture) เพื่อให้เห็นโครงสร้างโดยรวมของ เอกลักษณ์ของแบรนด์ ( B

การสร้างแบรนด์ ( Brand building) คือการสร้างคุณค่าของสินค้า ตราสินค้า องค์กร ให้เกิดขึ้นในใจของลูกค้าทุกลำดับชั้น มีองค์ประกอบอยู่ 3 ส่วนใหญ่ๆ ชั้นนอก Tangible assets ส่วนที่ปรากฎเป็นรูปธรรม ชั้นกลาง Intangible assets ส่วนที่ลูกค้าสัมผัสได้ด้วยความรู้สึก ชั้นใน Brand DNA or Brand essence แก่นแท้ของแบรนด์ หรือความเป็นตัวตน Brand DNA ต้องมีจุดเดียวที่โดดเด่น ชัดเจน จนทำให้ลูกค้ามุ่งซื้อเฉพาะสินค้านั้น แนวคิดทางการตลาดที่มีพลังมากที่สุด คือการเป็นเจ้าของคำหนึ่งคำในใจของลูกค้า เป็นคำธรรมดาที่ลูกค้าสามารถเข้าถึง ไม่ใช่คำที่ผู้ผลิต เจ้าของสินค้า ผู้ค้า ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมาเองให้สับสน แบรนด์ คือ Total experience    ที่เกิดจาก ประสบการณ์รวมของผู้ใช้สินค้าหรือบริการ ผู้สร้างรูปร่างของความเป็นแบรนด์ จึงได้แก่ผู้ใช้สินค้าที่มองเห็นและได้ยิน องค์ประกอบของแบรนด์ทั้งหมดเหล่านั้น เข้าถึงได้ด้วยการวิจัย     สำรวจ     สอบถาม เพื่อตอบสนองให้ตรงจุด โดนใจไม่ผิดเพี้ยน การสร้างสัมพันธภาพ ( Relationship) จึงเป็นสิ่งที่ช่วยส่งเสริมการสร้าง Brand DNA ในวันนี้ เราต้องทบทวน ว่

มืออาชีพต้องรู้จักสร้างแบรนด์ (Personal branding) การทำให้คู่ค้าจดจำ นึกถึง ต้องสร้างภาพลักษณ์ หัวใจของการสร้างแบรนด์ คือดูสิ่งที่คู่ค้าได้ยิน มองเห็น สัมผัส รับรู้ ซึมซับ สิ่งที่ต้องตระหนักคืออรรถประโยชน์ที่มีต่อคู่ค้า และความต้องการของผู้บริโภคสินค้าที่แท้จริง ดำเนินการเพื่อตอบสนองความต้องการเหล่านั้น สร้างการรับรู้ให้เกิดขึ้นในใจ ของคู่ค้าทุกระดับชั้น รักลูกค้า     จนรู้สึกได้ ยึดมั่นในแนวปฏิบัติ ที่คู่ค้าทุกระดับรับรู้และชื่นชมให้ต่อเนื่องจริงจัง จนเป็นกิจวัตรประจำตัว ทำตัวให้เข้าถึงง่าย ไม่ปฏิเสธความช่วยเหลือหากมีความสามารถ แต่ควรปฏิเสธหากเกินกำลังหรือผิดศีลธรรม ทำสิ่งเหล่านี้ซ้ำๆ จนเป็นภาพที่ติดตาติดใจ นึกถึงลูกค้า         ลูกค้าก็นึกถึงเรา ช่วยเหลือลูกค้า ลูกค้าก็ช่วยเหลือเรา ไม่มีลูกค้าคนใดปฏิเสธ การช่วยเหลือให้การค้าราบรื่น เราจักเป็นผู้นั้นที่ทำสิ่งนี้ เติบโตไปพร้อมกับกิจการของคู่ค้า เฝ้าดู ติดตาม ต่อเติม เพื่อสร้างการเติบโต ทำได้ดังนี้ คู่ค้าจักจดจำ ระลึกได้ สร้างความเข้มแข็งให้กับแบรนด์บุคคลสูงลิ่ว สร้างมูลค่า สร้างจุดยืน เสริมสร้างอาชีพ ไ