เซลส์เกษตรเข้มแข็ง

"เซลส์แมน"  เข้มแข็ง  กล้าหาญ  อดทน สามัคคี สู้ตาย

ในทุกธุรกิจ หน้าที่หนึ่งที่สำคัญ แต่ไม่ค่อยมีคนมาทำกัน
จำนวนคนที่มาทำก็ลดลงเรื่อยๆแทบจะหาคนมาทำไม่ได้
เพราะไม่ชอบที่ต้องคอยมาพูดจากับคนอื่นเพื่อให้ซื้อของ
นั่นก็คือ "พนักงานฝ่ายขาย" หรือ "เซลส์แมน" น่ะแหละ
เพราะเป็นหน้าที่สำคัญ หาคนมาทำยาก รายได้ก็ต้องสูง ... เป็นธรรมดา

จากงานวิจัยก็บอกได้ว่าขาดแคลน อย่าว่าแต่หาคนเก่งเลย
จะหาคนมาสมัครก็ยิ่งว่ายาก คนทุกวันนี้โลกส่วนตัวสูงมาก
แต่ก็น่าดีใจ ถึงไม่มาเป็นเซลส์ ก็ผันตัวทำกิจการของตัวเอง
SMEs จึงเกิดขึ้นเยอะมาก แล้วก็เป็นเซลส์ให้กิจการตัวเอง
แต่ละกิจการก็สนุกมาก  อินดี้ฝุดฝุด คิดเอง ทำเอง ขายเอง
กลยุทธ์การขาย  ก็สร้างสรรค์จากมันสมองของตัวเองล้วนๆ

ในทุกตำราธุรกิจล้วนแนะนำให้ว่าที่เถ้าแก่ต้องเรียนรู้การขาย
นอกเหนือจากที่จะต้องรู้แหล่งสินค้า  ตลาด  ขั้นตอนการผลิต
สินค้าดีแต่หาตลาดไม่ได้   ขายไม่เป็น  พาลจะไม่เกิดเอาดื้อๆ
ลูกหลานเถ้าแก่ส่วนใหญ่ ก็เลยต้องมาเรียนรู้งานขายเสียก่อน
รู้จักลูกค้า  รู้จักตลาด  กลยุทธ์การขาย สร้างความสัมพันธ์ที่ดี
แล้วค่อยเรียนรู้ขั้นตอนการผลิต  เพื่อให้สอดคล้องกับการขาย

นักศึกษาจบใหม่สามารถหาประสบการณ์ดีๆ ได้จากงานขาย
คุณแม่บ้านที่ว่างงานก็สามารถหารายได้เสริมได้จากงานขาย
พนักงานประจำ ก็หารายได้เสริมจากงานหลักได้จากงานขาย

เป็นเซลส์แมนนี่มันดีหลายอย่าง  ได้พบปะผู้คนมากหลากหลาย
ซึ่งมีทั้งลูกค้า ลูกค้าของลูกค้า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการขาย
ได้เดินทาง เปิดหูเปิดตา แต่จะได้เที่ยวด้วยหรือเปล่าน่ะอีกเรื่อง
เพราะเอาเข้าจริงๆ   ก็ต้องเข้าพบลูกค้าทุกรายภายใน 1 เดือน
ไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะได้แวะ   ถึงแม้จะขับรถผ่านก็คงได้แค่มอง
ทำได้แค่แวะเยี่ยว  เดินไปสั่งอเมซอน แล้วลวกมาม่ากินที่เซเว่น
ในสถานที่ที่เราเรียกว่า "บ้าน" หลังที่สอง   ซึ่งก็คือปั๊มป์ ปตท.
เพราะที่นี่ เป็นทั้งสถานที่นอน  ห้องน้ำ  ห้องอาหาร  ห้องนั่งเล่น
แล้วยังเติมน้ำมันรถได้อีกด้วย ประโยชน์เยอะจริงนะตัวแค่เนี๊ยะ

รายได้ที่ได้มา ถ้าเก็บดีๆ หรือเอาไปทำให้งอกเงย ก็อยู่ได้สบาย
สามารถเปิดกิจการเลี้ยงตัว เปิดพอร์ตลงทุน เกษียณเร็วเอาง่าย
แต่ก็มีหลายท่านสมัครใจที่จะเป็นเซลส์แก่ต่อไปอย่างมีความสุข

ไม่ใช่มีแต่ข้อดี ข้อเสียก็มีเยอะ  ลำดับแรกเลยคือต้องเข้าหาคน
โดยธรรมชาติของคน  ถึงจะเป็นสัตว์สังคม แต่ก็รักในอิสระด้วย
ไม่ชอบให้ใครหรืออะไรมาตีกรอบ  ให้ทำในสิ่งที่ตนไม่สมัครใจ
อย่างเช่น   การเข้าหาผู้อื่นที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน  ซึ่งก็คือลูกค้า
อย่างที่สอง  ไม่ค่อยได้อยู่กับที่  กลับมาบ้านลูกเมียอาจจะไม่อยู่
หนีออกจากบ้าน ปล่อยเราทิ้งไว้คนเดียว เพราะอยู่ไม่อยู่ก็ไม่ต่าง
อย่างที่สาม ทำงานนานๆ จนอินกับหน้าที่ นึกถึงแต่ผลประโยชน์
ไม่ใช่ว่าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวหรือบริษัท  แต่คิดถึงลูกค้าด้วย
ในการใช้ชีวิต  ก็ไม่จำเป็นจะต้องนึกถึงแต่ผลประโยชน์อยู่ร่ำไป
อย่างที่สี่ ใช้เงินมือเติบ  เพราะรายได้สูง หามาง่ายก็หมดได้ง่าย
จริงๆ มีอีกเยอะ  แต่ไม่อยากจะประจานตัวเองกับพี่ๆ น้องๆ ที่รัก
แค่นี้ก็ขมปากแล้ว  ก้อนสะอื้นมันจุกคอ  อยากร้องไห้ให้กับชีวิต

มาเป็นเซลส์กันเถอะครับ ครบทุกรสชาติจริงๆ
ชีวิตไม่ได้มีแค่ด้านเดียว  เราจะมองอะไรดัวยเหตุผลมากขึ้นมาก
เพราะถูกสอนและถูกหล่อหลอมมาแบบนั้นตลอดชีวิตการทำงาน
ผมไม่ได้กำลังจะบอกว่าอาชีพอื่นๆ  เรียนรู้ชีวิตไม่ได้เท่ากับเซลส์
แต่การเป็นเซลส์ ก็เป็นการเรียนรู้ชีวิตในอีกหลายด้านของมนุษย์

คุณผู้หญิงทุกวันนี้ก็มาเป็นเซลส์กันเยอะ ทำได้ดีเสียด้วย ขายเก่ง
ก้าวหน้าเติบโตขึ้นไปเป็นผู้บริหารทีมขายมีลูกน้องเป็นผู้ชายด้วย
ผู้หญิงมีความละเอียดอ่อน นิ่มนวล ออดอ้อน ลูกจุกจิกเจ๊าะแจ๊ะมี
ถึงคราวเล่นบทโหด จะลูกค้าหรือลูกน้องก็กลัวลาน  โดนกันครบ
ว่าแล้วก็ขนลุก  น้องสาวผมคนหนึ่งเป็นผู้จัดการฝ่ายขายใหญ่โต
ในเฟซบุ๊คของนาง ถ้าไม่ข่มลูกน้องก็โขกสับสามี น้ำใจงามเหลือ
55555 หยอกเล่นนะหนุงหนิง  อุ๊บส์  เขารู้กันหมดเลยว่าเป็นแก


Comments

Popular posts from this blog

Enjoy Your Work, Enjoy Your Life

การตลาดวิถีพุทธ

6Qs สร้างสรรค์ผลงาน สร้างความเบิกบานให้ชีวิต