Daily Happy Meal

มีความสุขกับอาหาร รับประทานเป็นเวลา พาให้น้ำหนักลง

ทุกวันนี้โลกเราไม่ขาดแคลน
คนในชาติที่มั่งคั่งจึงเป็นบริโภคนิยม
กิน ใช้ จับจ่ายกันจนเกินความต้องการ
ดูได้จากจำนวนคนอ้วน
และผู้ป่วยที่เกิดจากโรค NCDs
(Non-communicable diseases)
หรือกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง
ซึ่งไม่ได้มีสาเหตุมาจากเชื้อโรค
แต่เกิดจากพฤติกรรมการดำเนินชีวิต

ธรรมชาติกำหนดให้มนุษย์ต้องกินเพื่อดำรงชีวิต
มนุษย์ทุกวันนี้หันมาดำรงชีวิตเพื่อกิน
แหม๋ อะไรก็อร่อย ...
หมูกระทะ ชาบู อาหารญี่ปุ่น นานาชาติ
จัดมาเป็นชุดบุฟเฟ่ต์ทั้งนั้น
กินมันให้คุ้ม เดินไปอ้วกก็ได้
เข้าห้องน้ำสามรอบก็ไม่หวั่น
กินเท่าไรก็ได้ ใจเต็มร้อย
รู้ตัวอีกที น้ำหนักเกินร้อย
ตอนผอม กินเท่าไรก็ไม่อ้วน
แต่พออ้วน อดยังไงก็ไม่ผอม
วิ่งวันละ 10 กม. เข้ายิมเบิร์นวันเป็นพัน
มันจะลดได้ยังไง ออกจากยิม
ก็นัดเจอเพื่อนที่ร้านหมูกระทะ
เพื่อฉลองก้าวแรกบนสายพาน
ฉลองจนก้าวที่ล้าน น้ำหนักก็ยังเกินร้อย
เพื่อนไม่ว่าง แวะแม็ค 24 ชม. ก็ได้
ชิ้นสองชิ้นไม่เท่าไรมั้ง เบิร์นไปตั้งเยอะ

กินเท่าไรก็กินไป แต่ให้ร่างกายพักบ้าง
จะให้น้ำย่อยหลั่งทั้งวันทั้งคืนเลยหรือไง

มื้อเช้า มื้อเที่ยง มื้อเย็นอย่าไปอด
อัดเข้าไปให้เต็มที่ อยากกินไรก็กิน
แต่เว้นระยะให้กระเพาะได้พักบ้าง
อย่างน้อย 12-16 ชั่วโมง
ก่อนจะสะเดิ๊บมื้อเช้าถัดไปด้วย
ข้าวแกงเจ้าประจำ

อาหารที่กินเข้าไปจะถูกแปลงสภาพเป็น
น้ำตาลกลูโคสเพื่อดูดซึมเข้าสู่เซล
โดย อินซูลินที่หลั่งออกมาจากตับอ่อน
เป็นผู้ทำหน้าที่บริหารจัดการ
หากดูดซึมเข้าไปไม่หมด
กลูโคสส่วนเกินจะถูกนำไปสะสม
ในรูปไขมัน
หากเรากินทั้งวันทั้งคืน
กลูโคสก็เข้าสู่ร่างกายทั้งวันทั้งคืน
อินซูลินก็หลั่งทั้งวันทั้งคืน
เบิร์นกันทั้งวันทั้งคืน ไขมันก็ไม่หมด

ทำตามที่บอก หลังจากกินมื้อสุดท้าย
ของวันแล้วก็หยุดกิน
เมื่ออาหารที่กินเข้าไปถูกแปลงสภาพ
อินซูลินจะไหลเวียนในร่างกาย
อีก 2-3 ชั่วโมง แล้วจะสลาย
เมื่อไม่มีกลูโคสเข้ามาอีก
ร่างกายจะเปลี่ยนไปดึงไขมัน
ออกมาเผาผลาญ ไขมันก็จะลดลง

ระหว่าง 12-16 ชั่วโมงที่พัก
จะดื่มชาร้อน กาแฟดำ น้ำเปล่าได้หมด
เพราะมีปริมาณแคลอรี่อยู่ใกล้ศูนย์

ย้ำตรงนี้ การอดอาหารแบบ diet
โดยการลดโภชนาการมันไม่ใช่ทาง
ยิ่งอดก็จะยิ่งอ้วน เพราะร่างกาย
จะปรับสมดุล ลดการเผาผลาญ
เพื่อรักษาความสามารถในการดำรงชีพ
ถ้าขาดสารอาหารมากๆ
ร่างกายจะสั่งให้เราหิว จนเรากินหนัก
แล้วเกิดอาการโยโย่

ทานอาหารมื้อแรก 8 โมงเช้า
มื้อสุดท้ายของวันตอน 2 ทุ่ม
ถือเป็นกิน 12 ชั่วโมง พัก 12 ชั่วโมง
ทานอาหารมื้อแรก 8 โมงเช้า
มื้อสุดท้ายของวันตอน 4 โมงเย็น
ถือเป็นกิน 8 ชั่วโมง พัก 16 ชั่วโมง
จะทาน 3 มื้อ, 2 มื้อ, 1 มื้อ
หรือปรับเวลาอาหาร
ก็แล้วแต่ความสะดวก
เพราะร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
มีหลายท่านลดมื้ออาหารเหลือเพียง
2 มื้อ หรือ 1 มื้อ
ให้สารอาหารครบเท่าที่ร่างกายต้องการ
เป็นอันใช้ได้

จะรู้ได้อย่างไรว่าสารอาหารครบหรือไม่ ?
หลังรับประทานอาหาร ถ้ายังรู้สึกหิว โหย
แสดงว่าร่างกายได้รับสารอาหารไม่ครบ
กินจนแน่นท้องแต่ก็ยังหิว ลำบากสิทีนี้
ต้องพาร่างออกไปปากซอย
หาอะไรใส่ท้องอีก

วิธีการนี้ ได้มาจากการบำบัดโรค
ให้กับผู้ป่วยมะเร็ง โดยการให้ร่างกาย
กำจัดสารอาหารที่ไม่มีประโยชน์
ซึ่งเป็นอาหารอันโอชะของเซลมะเร็ง
ด้วยระบบอัตโนมัติของร่างกายเอง

ไม่ใช่ว่าวิธีการนี้จะใช้ได้ดีกับทุกคน
ขอให้ค้นหาวิธีการที่เหมาะสมของตน
เพื่อสุขภาพที่ดี ไร้โรคภัย ไร้สารพิษ
ชีวิตเป็นสุขกันเถอะ


Comments

Popular posts from this blog

Enjoy Your Work, Enjoy Your Life

การตลาดวิถีพุทธ

6Qs สร้างสรรค์ผลงาน สร้างความเบิกบานให้ชีวิต