Self Expolring

เปิดโลกกว้างสร้างประสบการณ์หลากหลายให้กับชีวิต

เคยมานั่งนึกถึงตัวเองกันบ้างไม๊ครับ นอกจากงานประจำและภารกิจที่ทำกันอยู่ทุกวี่ทุกวัน

ตัวเราทำอะไรบ่อยที่สุด
ตัวเราชอบทำอะไรมากที่สุด
ตัวเราสามารถทำอะไรได้ดีที่สุด
ตัวเราชอบเรียนรู้เรื่องอะไรมากที่สุด
ตัวเราทำอะไรแล้วรู้สึกมีความสุขมากที่สุด
อะไรที่ตัวเรามีความกระหายที่จะทำโดยไม่สนใจผล
อะไรคือสิ่งที่ทำให้ตัวเรารู้สึกตื่นตัวและมองเห็นเป้าหมาย
อะไรคือภาพของตัวเราที่มองเห็นในวันที่เกษียณจากงานที่ทำ
อะไรคือเป้าหมายสูงสุดของตัวเราหากไม่ได้ทำจะเสียใจไปทั้งชีวิต
ตัวเราทำอะไรแล้วไม่รู้สึกเบื่อหน่ายถึงแม้จะผิดพลาดอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ตัวเราสามารถทำอะไรได้นานๆ โดยไม่รู้สึกว่าเวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
คนรอบข้างชอบมาถามเรื่องอะไร หรือขอร้องให้ตัวเราช่วยทำสิ่งนั้นอยู่บ่อยๆ
ฯลฯ
คำถามนอกจากนี้ตั้งกันเองนะครับ ผมตั้งได้แค่นี้ก็แทบจะกัดลิ้นตายแล้ว
เสียดายเวลาเหลือเกิน มัวแต่วิ่งตามหาอะไรอยู่ก็ไม่รู้ที่มันไม่ใช่ของเรา

ที่ผ่านมาเคยถามตัวเองสักคำถามข้างต้นบ้างหรือยัง เสียเวลานิดเดียว จะได้ไม่ต้องหลงทางไปทั้งชีวิต
ผมเองก็เพิ่งมาถามตัวเองด้วยคำถามเหล่านี้เมื่อเร็วๆ นี้นี่เอง เสียเวลามาตั้งนาน แค่ค่อนชีวิตเอ๊ง
เพื่อนผมก็จะบอกว่า บ้า ! เหลืออีกตั้งครึ่งชีวิต จะทำอะไรก็รีบทำ ... (-_-!)> แหะ แหะ ... เฮ้อ
ชีวิตก็ตลกดี ตลอดเวลาเรามัวแต่ไปให้ความสำคัญกับสิ่งภายนอกหรือคนรอบข้างมากกว่าตัวเอง
การคิดถึงตัวเองเหมือนสิ่งที่ผิดของสังคม เพราะจะถูกกล่าวหาว่าเห็นแก่ตัว ทำอะไรไม่คิดถึงคนอื่น
แต่พอให้มานั่งคิดถึงตัวเองจริงๆ ดูบ้าง กลับใช้เวลาไม่นาน แค่ตั้งคำถามให้กับตัวเองชัดๆ เท่านั้นเอง
แล้วจะพบว่าคำตอบที่ได้นี้สามารถนำไปทำประโยชน์ให้กับผู้อื่นและสังคมได้ดีกว่าการคิดถึงเพียงอย่างเดียว

ตัวผมเองพอต้องมาตอบคำถามของตัวเองก็ได้คำตอบออกมาเยอะเลย
แล้วก็ไม่น่าเชื่อว่าที่ผ่านมาผมทำอะไรได้มากมายขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
ทั้งๆ ที่คิดน้อยใจมาตลอดชีวิตว่ามีสิ่งที่อยากทำอีกตั้งเยอะแต่ไม่ได้ทำ
เพราะความไม่พร้อมในเรื่องกำลังทรัพย์หรือเวลาฝึกฝน เพราะต้องทำงาน
พ่อกับแม่เป็นครูส่งผมกับน้องเรียนจบก็ไม่ได้สบาย เพราะต้องไปช่วยคนอื่นอีก
แต่ผมกับน้องก็ภูมิใจ เพราะพ่อกับแม่สอนให้เราคิดถึงคนอื่นก่อนคิดถึงตัวเอง

ข้างล่างนี้เป็นประสบการณ์ที่ผมเอามาแชร์เป็นตัวอย่าง ไม่ใช่อวดอ้าง แต่เพื่อให้ทุกท่านกล้าที่จะคิด
ขนาดผมไม่ใช่คนเก่งวิเศษมาจากไหน ผมยังซื่อสัตย์กับตัวเองและไม่อายที่จะเปิดเผยสิ่งที่ผมถนัด สิ่งที่ทำแล้วและอยากทำในชีวิต
รวมทั้งที่มาของแนวคิดและเหตุผลของประสบการณ์ดังกล่าว

อ่านหนังสือ: ครอบครัวผมบ้าหนังสือกันทั้งบ้าน พ่อผมอ่านหนังสือพิมพ์ แม่อ่านปกิณกะ ผมกับน้องอ่านฮาวทู
สวดมนต์: วิธีการฝึกจิตที่ได้ผลแม้จะไม่เท่ากับการทำสมาธิ ลองดูแล้วจะพบสิ่งอัศจรรย์เหมือนที่ผมเจอมากับตัว
สอนภาษาอังกฤษ: ผมยืนยันว่าความรู้พื้นฐานที่ทุกคนมีเพียงพอต่อการสื่อสารกับชาวต่างชาติแล้วครับ
ไพ่ทาโร่ท์พยากรณ์: จากกิจกรรมฆ่าเวลาช่วงฝึกงานตอนปี 3 กลายมาเป็นทักษะและประสบการณ์ที่น่าจดจำ
เขียนบทความ: ผมไม่ได้เป็นนักเขียนที่เก่งที่สุด แค่เขียนได้ดีกว่าพูด มีเรื่องอะไรเยอะแยะที่อยากเล่า ก็เอามาเขียน
วางแผนงานตามลำดับความสำคัญ: ผมมีปัญหากับการจัดระเบียบทั้งงานและชีวิต เลยใช้ตารางที่รุ่นพี่แนะนำให้ใช้
วิเคราะห์โครงการ: เป็นวิชาที่ผมเรียนในระดับปริญญาโทแล้วรู้สึกสนุก ไม่ได้เก่งกาจ แค่อยากพัฒนาให้ดีเป็นอาชีพ
ที่ปรึกษากิจกรรมทางการตลาด: ผมโชคดีมีคนเก่งอยู่รอบตัว เลยขอประสบการณ์จากคนเก่งมาถ่ายทอดต่อ
ผู้รวบรวมข้อมูลทางธุรกิจ: จากประสบการณ์ทำงานเก็บรวบรวมข้อมูลให้กับบริษัท ผมว่าผมมีข้อมูลเยอะพอดู
รวบรวมข้อมูลเรื่องผัก: ไม่ใช่แค่รัก แต่ผมหลงไหลงานทดสอบสายพันธุ์พืชผัก มีผักกว่า 40 ชนิดที่ผมได้ทดสอบ
รวบรวมรายชื่อศัตรูพืช: ผมว่าจะดีเป็นที่สุดถ้าเกษตรกรสามารถวิเคราะห์ศัตรูพืชและวิธีการจัดการได้ด้วยตนเอง
ลงทุนหุ้นสามัญ กองทุนรวม: ผมไม่อยากเครียดกับปากท้องไปทั้งชีวิต เลยต้องหารายได้เพิ่มนอกจากงานประจำ
ทำสวนในบ้าน: ความมั่นคงทางด้านอาหารจะเป็นหัวข้อสำคัญที่มนุษย์ทุกคนต้องตระหนัก ปลูกผักทานเองครับ
เล่นแบดมินตัน: ผมมีไอดอล 2 คน พ่อกับเพื่อนผมเล่นแบดเก่งมาก เล่นกับเพื่อนคนนี้ผมวิ่งเป็นลิงหลงป่าเลย
เล่นสควอช: ผมเล่นครั้งแรกห่วยมาก เลยต้องมาหัดเล่นในความคิด ผมเชื่อหมดหัวใจว่าจินตนาการสำคัญจริงๆ
ว่ายน้ำ: เกือบจมน้ำตายกลางบึงตอนเป็นเด็ก เลยเรียนพละตอนปี 2 ตอนนี้ว่ายได้ทุกท่า เคยลงแข่งแต่แพ้ยับเยิน
เวท เทรนนิ่ง: นี่คือเหตุผลว่าทำไมคนน้ำหนัก 58 กก. อย่างผมถึงยกน้ำหนักได้มากกว่าคนตัวโตกว่า 1 เท่าครึ่ง
ทำกับข้าว: ไม่เคยคิดว่าตัวเองทำกับข้าวเป็นจนกระทั่งต้องไปใช้ชีวิตในต่างแดนนานถึง 7 เดือน ก็พอแหลกล่าย
ทำความสะอาดบ้าน: เป็นช่วงที่ได้พักผ่อนสมองอย่างแท้จริง ปล่อยสมองให้ว่างแล้วจดจ่อแค่งานที่อยู่ตรงหน้า

ผมเชื่อว่าหลายๆ ท่านมีทักษะและประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นมากกว่าผมเยอะ
แค่ปลอดปล่อยมันออกมา แล้วลงมือทำมันอีกครั้ง หลังจากนั้นก็แค่ปล่อยให้ความสุขได้ทำหน้าที่ ... เท่านั้นเอง


Comments

Popular posts from this blog

Enjoy Your Work, Enjoy Your Life

6Qs สร้างสรรค์ผลงาน สร้างความเบิกบานให้ชีวิต

PDCA Circle