Siriwach Suansawat

ยิ่งให้ ยิ่งได้ เรื่องการให้ มีมาตั้งแต่เริ่มต้นประวัติศาสตร์ อดัมมอบความรักให้กับอีฟ อดัมจึงได้ความรักจากอีฟเป็นการตอบแทน ก่อเกิดสรรพชีวิตบนโลกมนุษย์นับพันล้านชีวิต ถึงแม้พระเจ้าจะไม่ทรงเมตตาต่อความรักครั้งนี้ เท่าใดนัก มนุษย์เกิดมาพร้อมกับความต้องการ สิ่งเดียวที่จะตอบสนองความต้องการนั้นได้ คือการให้ก่อนที่จะรับ มันคือการแลกเปลี่ยน เป็นไปไม่ได้ ที่มนุษย์จะได้อะไรมาโดยง่าย โดยที่ไม่ลงมือทำอะไรเลย เปลี่ยนจากการแสวงหา มาเป็นการให้ ผลที่ได้รับ มากกว่าความคาดหวังแน่นอน อย่าเพิ่งวิตกว่าจะสูญเสียสิ่งใด ทำกันดูก่อน ความสุขที่ได้จากการให้ เป็นความสุขแท้ ให้เพราะความมีเหลือเฟือ ไม่ขาดแคลน มีเหลือเสียจนต้องแบ่งปันออกมาบ้าง ในขณะที่หากมีไม่พอ ก็จำเป็นต้องรับ เพื่อสามารถให้ได้ในวันข้างหน้า หากต้องการความรัก ก็ต้องให้ความรักเสียก่อน หากต้องการความมั่งคั่ง ก็ต้องลงทุนเสียก่อน อยากก้าวหน้า ก็ต้องสร้างประโยชน์เสียก่อน ไม่มีอะไรที่จะยั่งยืน จากการเป็นผู้รับเพียงฝ่ายเดียว แต่การให้เป็นอนันตกาล ไม่มีล้าสมัย ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เป็นการให้โดยบริสุทธิ์ใจ ผลที่ได้ ไม่อาจ

วันวานคือเอสเอ็มอี วันนี้คือสตาร์ทอัพ จากภูมิปัญญาดั้งเดิมมุ่งสู่นวัตกรรมคิดค้นใหม่ บนพื้นฐานองค์ความรู้สู่ความคิดสร้างสรรค์ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ว่าไว้ไม่มีผิด " จินตนาการสำคัญกว่าความรู้" คิดแล้วก็เริ่มกังวลกับคำพยากรณ์ ที่นักวิทยาศาสตร์ท่านนี้เคยทำนายเอาไว้ " มนุษย์จะโง่ลงเพราะหมกมุ่นกับเทคโนโลยี" มันจะเป๊ะอะไรขนาดนี้ !!! ระวังไว้หน่อยก็แล้วกัน การจะพาชาติบ้านเมืองก้าวไปข้างหน้า ภูมิปัญญาต้องก้าวไปพร้อมกับเทคโนโลยี มองหาความต้องการพื้นฐานของคนกลุ่มใหญ่ จับจ้องไปที่ความต้องการของกลุ่มเฉพาะ เพื่อก้าวไปถึงความต้องการเฉพาะบุคคล เป็นยิ่งกว่า Niche Marketing แต่ลึกถึง Individual Marketing โดยใช้ภูมิปัญญา เทคโนโลยีตอบโจทย์นี้ได้ เมื่อองค์กรธุรกิจจะ ไม่ได้เป็นผู้ทำการตลาดอีกต่อไป แต่เป็นผู้บริโภค ทำการตลาดด้วยตนเอง หากความต้องการที่แท้ ถูกค้นพบและทำการตอบสนองความต้องการนั้น โดยอาศัยเครื่องมือที่เรียกว่า ' เทคโนโลยี ' แนวคิดเอสเอ็มอีเริ่มต้นที่การก่อตั้งหน่วยธุรกิจ สตาร์ทอัพเริ่มต้นที่ความต้องการของผู้ใช้สินค้า เพื่อตอบสนองความต้องการผ่

Gen M กับภารกิจการสร้างโลกใบใหม่ เด็กรุ่นใหม่เรียนจบออกมาไม่หางานทำ เมื่อคิดได้ว่างานประจำมันพาไปถึงฝันช้า อีกทั้งเทคโนโลยีก็ไล่จี้หลังจนไม่มีที่ยืน เลยเปิดธุรกิจขายออนไลน์กันดุเดือด เพราะมันทำเงินได้ในเวลาอันรวดเร็ว หลายคนรุ่ง หลายคนรวย แต่จะเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน ตลาดออนไลน์กำลังจะลุกเป็นไฟ กลายเป็นทะเลเพลิง ( Red Ocean) สินค้าออนไลน์คล้ายๆ กันมีเต็มตลาด เพราะใครๆ ก็มีมาขายกัน จะไปอย่างไรต่อดี เมื่อโลกเปลี่ยน ความต้องการเปลี่ยน สินค้าและบริการก็ต้องเปลี่ยน ทำการค้าแบบเดิมๆ เดี๋ยวก็มีคนตามทัน พลิกโฉมหน้าธุรกิจ ค้นหาความต้องการที่แท้จริงของผู้ซื้อ เปลี่ยนการตอบสนองความต้องการ จากสินค้าโหลมาเป็นการบริการสุดพิเศษ ที่เฉพาะเจาะจงตัวผู้ใช้บริการ ทั้งที่จับต้องได้ และจับต้องไม่ได้ แล้วมันคืออะไรล่ะ ... ... ไม่มีใครรู้กับเราหรอก ต้องไปค้นหากันเอาเอง ประสบการณ์และการรับรู้ ความต้องการของตลาด ของแต่ละคนก็ต่างกัน ง่ายที่สุด ไปดูว่าเขาทำอะไรกันเยอะ ก็เปลี่ยนไปทำอย่างอื่นที่แตกต่าง ด้วยแนวทางของตัวเอง ยังมีโอกาสสำเร็จมากกว่าเดินตามคนอื่น ค้นหากลุ่มเป้าหมาย

เมื่อพนักงานตัวเล็ก คิดการใหญ่ ถ้าลูกน้องอยากเป็นเถ้าแก่บ้างทำไง ... ต้องลืมความเก่งของตัวเองไปให้หมด ทำตัวเองให้เป็นแก้วที่ว่างเปล่า เปิดรับโอกาสและความรู้ใหม่ๆ เข้ามา หาช่องว่างในการทำธุรกิจ ทำใหม่ คิดใหญ่ แต่อย่าไปทำใหญ่ ลากเส้นต่อจุดไปทีละน้อย ค่อยๆ ทำ ตกม้าจะได้ไม่เจ็บมาก ลุกไว ไม่จุกนาน อย่าไปทำอะไรอย่างเถ้าแก่จนเกินตัว นั่นเขามีฟูกรอง ตกกี่ครั้งก็ไม่จุก ยุคนี้เขาเลิกหา ‘ สินค้า ’ ดีๆ มาขายแล้ว มันต้องมองหา ‘ ความต้องการ ’ ที่แท้จริง สินค้าดีๆ มีเต็มตลาด แต่ยังขาดสิ่งสนองความต้องการจริงๆ โลกวันนี้เป็นโลกที่มีความขาดแคลน จากการเปลี่ยนผ่านของยุคสมัย ความต้องการใหม่ๆ เกิดขึ้นมามากมาย จากรูปแบบการใช้ชีวิตที่ต่างไปจากเดิม ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่ช่วยให้ การเข้าถึงความสะดวกสบายง่ายขึ้น ต้นทุนการดำเนินชีวิตลดต่ำลง ผู้บริโภคเองก็ไม่รู้หรอกว่า จริงๆ แล้วเขาขาดแคลนอะไร จนกว่าจะมีความจำเป็นต้องใช้งานสิ่งนั้น เมื่อมองหาสิ่งนั้นไม่เจอ จึงเริ่มแสวงหา เมื่อนั้นเราจึงเป็นผู้ตอบสนอง ต่อความต้องการใหม่ๆ เหล่านั้น อีกแนวคิดคือทำสิ่งที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้น ง่ายขึ