Siriwach Suansawat

ผลงานที่จำเป็นและมีผลต่อความก้าวหน้า - แผนการขึ้นเงินเดือนให้ตัวเอง - ( ทำให้บริษัทรู้สึกว่าขาดเราไม่ได้) @ ทำงานดี @ สนองนโยบายผู้บริหาร เข้าใจ รู้ทันความคิด ความต้องการของผู้บริหาร โดยการพูดคุย สอบถามบ่อยๆ เพื่อสามารถตอบสนองได้ในทันที ติดตามงานที่ได้รับมอบหมายอย่างต่อเนื่อง รายงานเป็นระยะในเวลาที่สมควร วางแผนการทำงานโดยจัดลำดับความสำคัญของงานอย่างต่อเนื่องทุกวัน ใช้ตารางความสำคัญ/ เร่งด่วน กำหนดลำดับความสำคัญของงาน ข้อมูลสินค้า ทำให้พนักงานฝ่ายขายเข้าใจสินค้าและขายได้ มุ่งเน้นไปที่สินค้าใหม่ กำไรดี ประชาสัมพันธ์บริษัทให้เป็นที่รู้จัก เนื้อหาที่สื่อสารต้องตรงใจลูกค้า ผู้บริหาร โดยต้องแสดงภาพลักษณ์ที่ดี ทำงานส่งให้ได้ทีละชิ้น สัปดาหะ 2 ชิ้นต่อเนื่องทุกสัปดาห์ สร้างงาน Masterpiece ให้ได้ปีละ 2 งาน นำเสนอในงานประชุมประจำปี เปิดฤดูกาลขาย/ กลางปีการขาย ผลิตภาพของงานสูง เมื่อเปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายที่เป็นตัวเงิน ทำงานโดยใช้เงินให้น้อยที่สุด หรือไม่ใช้เลย ทำอย่างไรให้บริษัทประหยัดค่าใช้จ่าย @ มีผลงาน @ ค้นหาช่องทางการขายใหม่ๆ ให้กับบริษัท เช่น ตลาดต่างประเทศ ตลาดอื่นๆ ช่อง

สูตรสำเร็จสร้างความก้าวหน้าอย่างง่ายๆ อยากก้าวหน้าทำงานในตำแหน่งสูง เงินเดือนเยอะ ตั้งแต่อายุน้อยหรือเปล่า ทำตามนี้สิ ตั้งใจฟังบรรยายในชั้นเรียน ทำกิจกรรมในรั้วมหาวิทยาลัย เรียนจบหลักสูตรตามระยะเวลา เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง เรียนภาษาที่สามไปพร้อมกัน สร้าง Resume ที่ดีและหมั่นปรับแต่ง ลงประวัติการทำงานในเว็บ LinkedIn สมัครงานที่ชอบและใฝ่ฝันอยากทำ ทำงานที่เดียวให้ได้อย่างน้อย 7 ปี ทำความรู้จักกับคนในวงการเดียวกัน ทำความรู้จักกับคนหลากหลายอาชีพ เก็บออมเงิน ลงทุนในหุ้นสามัญ เรียน MBA หาโอกาสใหม่ๆ กับตำแหน่งงานใหม่ๆ พัฒนาทักษะด้านบริหารจัดการธุรกิจ พัฒนาทักษะการพูด การเขียน ฟังให้มากกว่าพูด รับฟังทุกความเห็นต่าง ต่อยอดความคิด ค้นหาและมุ่งพัฒนาจุดแข็ง ละเลยจุดอ่อน หมั่นจดบันทึก ฝึกคิดเชิงวิเคราะห์ และสังเคราะห์ ทำงานที่ใช้ความรับผิดชอบสูง เลือกทำงานที่ไม่มีใครอยากทำ จัดลำดับความสำคัญ/ เร่งด่วน เรียนรู้การนำเสนอที่ดึงดูด น่าสนใจ คิดใหญ่ ตั้งเป้าหมายส่วนตัวให้สูง ตั้งเป้าหมายภารกิจที่ท้าทาย กล้าเรียกเงินเดือนสูง เข้านอนหัวค่ำ ตื่นเช้า เข้างานเร็ว เลิ

ลูกจ้างคนสำคัญเป็นกันอย่างไร นายจ้างที่ไหนจะอยากให้ลูกจ้างลำบาก ทำงานลำบากเดี๋ยวลาออกไปหางานใหม่ ที่เขาให้เงินเดือนสูงกว่า ตายเบย ... รับสมัครงานกันทั้งปี รับคนใหม่ก็ต้องจ่ายแพงขึ้น แล้วยังต้องมาสอนงานกันใหม่อีก งานเหนื่อยๆ แบบนี้ เจ้านายไม่ชอบ เขาเองก็อยากสบาย ไอ้ที่บ่นว่าเจ้านายใช้งานหนัก คือเขาจะบีบให้มันออกเองต่างหาก ค่าตัวเริ่มแพง ผลิตภาพของงานเริ่มต่ำ จ่ายเท่ากันได้พนักงานใหม่ตั้ง 2-3 คน หรือไม่งั้นเขาก็โยกงานหนักมาให้เราทำ แล้วให้งานที่สำคัญกับคนที่สำคัญทำไป อยากเป็นคนสำคัญ ก็ต้องเลือกทำเฉพาะงานที่สำคัญ ‘ อย่าคิดไปเอง ’ ว่างานที่สำคัญของเรา จะเป็นงานสำคัญของเจ้านาย ง่ายที่สุดคือต้อง ‘ ถาม ’ หรือขอความเห็น ส่วนใหญ่งานที่ ‘ สำคัญ ’ ของเจ้านาย มักจะไม่ใช่งานยากนักหรอก ไปสังเกตกันดูดีๆ ในโลกนี้คนบ้าพลังมันมีอยู่เยอะ (แล้ว) ไม่ต้องไปเป็นเหมือนคนอื่นหรอก ซุป ’ ตาร์ตัวจริงไม่ได้ทำงานหนัก ทำน้อยแต่ต้องปัง เข้าจุดโฟกัส เห็นซุป ’ ตาร์คิวแน่น ไม่ค่อยว่าง ไม่ใช่ทำงานหนักนะ แต่เน้นโชว์ตัว งานที่สำคัญทำเสร็จไปตั้งนานแล้ว เวลาที่เหลือก็เดินสายออก Event สิ

ลูกค้าคนสำคัญในชีวิตพนักงานบริษัท เคยเจอปัญหานี้ไม๊ครับ ทำงานเต็มที่ สุดความสามารถ ขยันแทบตาย กลับบ้านดึก ไม่เคยลางาน สิ้นปีเงินเดือนขึ้นนิดเดียวเมื่อเทียบกับเพื่อนคนอื่นที่ดูเหมือนจะทำงานไม่หนักไปกว่าเราเลย แต่ที่แน่ๆ เค้าเข้าหาเจ้านายมากกว่าเรา ปล่าวนะ ...   ผมไม่ได้กำลังจะบอกให้เลียเจ้านายเพื่อความก้าวหน้า ก่อนจะไปต่อ ผมขอยกข้อคิดของเพื่อนผมคนนึงที่เป็นผู้บริหารระดับสูงขององค์กรหนึ่งเคยว่าไว้ " คนทำงานมี 4 ประเภท ฉลาดและขยัน ฉลาดแต่ขี้เกียจ โง่แต่ขยัน โง่และขี้เกียจ" เพื่อนถามผมว่า "ถ้าต้องไล่ลูกน้องออก จะเลือกไล่ลูกน้องประเภทไหน" ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก ... ตอนนั้นผมเลือก "โง่และขี้เกียจ" ก็ถ้ามันทั้งโง่ทั้งขี้เกียจ จะเก็บไว้ให้รกองค์กร กินแรงเพื่อนฝูงทำไม เพื่อนผมกลับบอกว่า "คนโง่และขี้เกียจ ยังมีประโยชน์กับองค์กร อย่างน้อยถ้าเราจะใช้งานอะไรก็ค่อยสั่งเค้าไปทำ" ที่น่ากลัวที่สุดกลับเป็น "คนที่ทั้งโง่และขยัน" ขยันมาก ขยันทำแต่เรื่องโง่ๆ ไม่ได้สั่งก็ทำ แล้วจะมีมันไว้ทำไม ย้อนกลับมาที่เรื่องของเรา ดังกล่าวข้างต้นพอจะ