My Idol
My
idol
มีบุคคลต้นแบบกันบ้างไม๊ครับ ผมเชื่อว่าหลายๆ คนต้องมีบุคคลต้นแบบหรือตัวอย่างที่ดีในการดำเนินชีวิต
การทำงาน หรือทำอะไรสักอย่าง ผมก็มีบุคคลในดวงใจของผมเหมือนกัน ผมขอเรียกท่านว่า "เฮียส้ม"
"เฮียส้ม" เป็นนักธุรกิจที่ค้าขายตั้งแต่อายุยังน้อย บินเดี่ยวไปญี่ปุ่นทั้งๆ ที่พูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้
ภาษาอังกฤษไม่ต้องพูดถึง ไม่มีกระดิก ภาษาไทยทุกวันนี้เฮียแกยังพูดไม่ชัดเลย แต่แกไปแฮะ !
แกเล่าให้ฟังว่าไปพบบริษัทเมล็ดพันธุ์ที่ญี่ปุ่นทุกบริษัท เพื่อขอซื้อสินค้ามาขาย
ได้พบประธานบริษัท หรือผู้นำสูงสุดขององค์กรในยุคนั้น ทุกวันนี้ก็ยังเป็นเพื่อนกัน
ตอนนั้นประเทศไทยคืออะไรยังไม่มีใครรู้จัก ต้องชี้ในแผนที่ให้ดู ไม่งั้นเขาจะนึกว่าเป็นติ่งล่างสุดของแผ่นดินจีน
ก็ได้ค้าบ้าง ไม่ได้ค้าบ้าง แต่ทุกบริษัทก็รับไมตรีไว้เพราะถือเป็นคนแรกๆ ที่ไปติดต่อค้าขายกับบริษัทเขา
ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทของ "เฮียส้ม" น่าจะมีสินค้าจากหลายแหล่งให้เลือกมาขายเยอะที่สุดแล้วนะผมว่า
"เฮียส้ม" ทำงานคนเดียว ไม่มีทีมขาย เจ้าหน้าที่ภาคสนามคนเดียวที่เฮียมีคือลูกชายของคนสนิท
แล้วก็ไม่ใช่ขี้ๆ เป็นถึงกำนันหรือพ่อหลวง แต่มาขับรถให้เฮียนั่ง เพราะมีบุญคุณกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่
ในตลาดเมืองไทย ลามไปถึงประเทศเพื่อนบ้าน เฮียคนเดียวลุยกับบริษัทที่มีพนักงานมากกว่า 30 คนได้
ถ้าพูดถึง "เฮียส้ม" กับน้องๆ บริษัทนี้ ก็จะได้คำตอบว่า "เออ ปล่อยเจ็กแกไปเถอะพี่"
น้ำเสียงไม่ได้แสดงความสงสารนะ แต่ขยาด "เฮียส้ม" ของผมชะมัด
เพื่อนร่วมงานชาวต่างชาติของผมถึงกับสบประมาทแกว่าเป็นแค่ลุงแก่ที่ไร้พิษสงในธุรกิจเมล็ดพันธุ์
ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่ไม่กลัวนะหน่ะ จากวันที่พูดจนถึงวันนี้ อีกไม่กี่วันก็ครบ 1 ทศวรรษแล้ว
ยังดันสินค้าของบริษัทเราเองเข้าไปเข่นสินค้าของ "เฮียส้ม" ลงไม่ได้เลย ไม่เชื่ออย่าลบหลู่
แล้วพืชที่เฮียแกเลือกมาขาย ก็ไม่ใช่พืชไก่การาศีธนู (อันนี้ราศีเกิดผมเอง ผมเลยยกมาอ้างอิงได้)
เอาเป็นว่ามีบริษัทที่นำพืชเหล่านี้เข้ามาขายไม่ถึง 5 บริษัทก็แล้วกัน ไม่ใช่แพงนะ แต่คัดสายพันธุ์ยากชะมัด
ผมเคยนั่งประเมินสายพันธุ์ตัวต่อตัวกับ "เฮียส้ม" ขับรถออกมา แวะซื้อพาราฯ เข้าที่พัก กินยาแล้วนอนเลย
"เฮียส้ม" ไล่ต้อนดูดข้อมูลลักษณะสายพันธุ์ที่ปรากฏในแปลงทดลองแต่ละสถานที่จากผมซะหมดตับ อะตะมะอิไตโย๋
ไม่ใช่แกถามเอาจากผมอย่างเดียว แต่แกไปทดสอบของแกมาด้วย ถ้าผลไม่ตรงกันล่ะเป็นเรื่อง ... เกมยืดเยื้อทันที
"เฮียส้ม" ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ทานแต่อาหารที่ดีต่อสุขภาพ ที่ไหนอร่อยแกไปมาหมด
ร้านอาหารจีนดังๆ ที่เชียงใหม่ "เจี่ยท้งเฮง" แกบุกหลังครัวไปสอนเชฟทำอาหารมาแล้ว
ไม่ได้ทึ่งความสามารถในการทำอาหารของแก แต่ทำไมแกกล้าบุกไปกลางดงทรีนเชฟแบบนั้น
"เฮียส้ม" ใช้เงินและของใช้คุ้มค่ามาก โทรศัพท์มือถือใช้จนแบตฯ เลิกผลิต โปรฯ ใช้ตัวที่คุ้มที่สุด
เติมน้ำมันใช้บัตรเครดิตที่มีส่วนลดกับแถมน้ำขวด รถยนต์ 4 ประตูที่ใช้น่าจะถอยมาช่วงพร้อมผมเรียนจบ
จองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าปีสองปี เลยได้ราคาถูกสุดติ่ง แกเป็นคนบอกผมว่า "ชินคันเซน" มีตั๋วเหมาระยะสั้น
ฟังราคาแล้วอยากจะเป็นลม ถูกกว่าเที่ยวเดียวของคนญี่ปุ่นขึ้นเองเสียอีก เออ ... แกก็ช่างสรรหาเนาะ
วิธีการคิดของ "เฮียส้ม" ไม่ซับซ้อน ขายได้ขาย ขายไม่ได้ก็แจก เฮียบอกเดี๋ยวคราวหน้าเค้าก็ซื้อเองแหละ
เหมือนที่หลายๆ คนบอก คนที่เค้ารวยจริงๆ นี่ ไม่ใช่จะเรื่องมากนะ อะไรก็ได้
อะไรที่ต้องจ่าย แพงแค่ไหนก็จ่าย เช่น ค่าอาหาร หรือการศึกษาของลูก โอ้วววว เต็มที่
ผมเองก็อยากจะทำให้ได้อย่างแก ทำไปเลยโดยไม่มีเงื่อนไข ไม่ต้องคิดซับซ้อน
ความสำเร็จเป็นแค่ปลายทางของการกระทำ "เฮียส้ม" อาจจะไม่เคยคิดถึงผลเลยด้วยซ้ำ แค่ทำมัน ... แค่นั้น
บทเรียนที่ได้จาก "เฮียส้ม" ไอดอลคนโปรดในดวงใจของผม คือ
ไม่รู้ว่ารักรึปล่าว แต่เฮียส้มหลงไหลในงานที่ทำเลยล่ะ ไม่งั้นคงไม่ทำธุรกิจนี้โดยไม่ทำอย่างอื่นเลยมากกว่า 30 ปี
มุ่งเป้าไปที่ส่วนของตลาดที่ต้องใช้ความรู้ ข้อมูลในการตัดสินใจสูง ผู้เล่นน้อยราย จึงมีการแข่งขันในตลาดต่ำ
"รู้จริง" ในเรื่องของสินค้าหรือตลาด สำคัญมาก เฮียแกเล่นกับตลาดได้ดังใจ สินค้าขาดตลาดแต่พอขายทั้งปี
เฮียส้มมีคอนเน็กชั่นที่ดีกับคู่ค้า จึงมีโอกาสมากที่จะคัดเลือกสินค้าที่ดี ตรงกับความต้องการของตลาดมากที่สุด
เฮียส้มรู้จักผู้ค้าที่มีบทบาทในการตัดสินใจสูงในตลาด จึงมีความผิดพลาดในการคัดเลือกสินค้าน้อยมาก
ยืมมือคนของคู่แข่งช่วยกระจายข่าวสินค้า ซึ่งก็คือพนักงานขายของบริษัทอื่นที่ตามทุบสินค้าที่เฮียส้มขายอยู่
ใช้คนน้อยแต่มีอำนาจตัดสินใจสูง ซึ่งก็คือตัวเฮียส้มเอง สามารถตัดสินใจได้ทันทีเมื่อถึงจังหวะที่ต้องต่อรอง
เฮียส้มเป็นนักปฏิบัติ ลงมือทำก่อน สำเร็จน้อยกว่าล้มเหลว แต่ก็เพียงพอที่จะเป็นผู้ชนะและเขียนประวัติศาสตร์
ควบคุมต้นทุนให้ได้ต่ำที่สุดจนเป็นนิสัย เพื่อสร้างผลกำไรสะสม คงความสามารถของการแข่งขันได้ในระยะยาว
เปิดโอกาสให้ตัวเองตลอดเวลา ไม่ปิดกั้นการเติบโตของบริษัทไว้กับข้อจำกัดของธุรกิจ รู้จักเล่นกับกระแส
เอาแค่นี้แหละ ... เดี๋ยวเฮียส้มผ่านมาเห็นจะฟ้องหมิ่นประมาทโทษฐานพาดพิง ดูผ่านๆ ตานี่ก็หลายกระทงแล้ว
มีบุคคลต้นแบบกันบ้างไม๊ครับ ผมเชื่อว่าหลายๆ คนต้องมีบุคคลต้นแบบหรือตัวอย่างที่ดีในการดำเนินชีวิต
การทำงาน หรือทำอะไรสักอย่าง ผมก็มีบุคคลในดวงใจของผมเหมือนกัน ผมขอเรียกท่านว่า "เฮียส้ม"
"เฮียส้ม" เป็นนักธุรกิจที่ค้าขายตั้งแต่อายุยังน้อย บินเดี่ยวไปญี่ปุ่นทั้งๆ ที่พูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้
ภาษาอังกฤษไม่ต้องพูดถึง ไม่มีกระดิก ภาษาไทยทุกวันนี้เฮียแกยังพูดไม่ชัดเลย แต่แกไปแฮะ !
แกเล่าให้ฟังว่าไปพบบริษัทเมล็ดพันธุ์ที่ญี่ปุ่นทุกบริษัท เพื่อขอซื้อสินค้ามาขาย
ได้พบประธานบริษัท หรือผู้นำสูงสุดขององค์กรในยุคนั้น ทุกวันนี้ก็ยังเป็นเพื่อนกัน
ตอนนั้นประเทศไทยคืออะไรยังไม่มีใครรู้จัก ต้องชี้ในแผนที่ให้ดู ไม่งั้นเขาจะนึกว่าเป็นติ่งล่างสุดของแผ่นดินจีน
ก็ได้ค้าบ้าง ไม่ได้ค้าบ้าง แต่ทุกบริษัทก็รับไมตรีไว้เพราะถือเป็นคนแรกๆ ที่ไปติดต่อค้าขายกับบริษัทเขา
ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทของ "เฮียส้ม" น่าจะมีสินค้าจากหลายแหล่งให้เลือกมาขายเยอะที่สุดแล้วนะผมว่า
"เฮียส้ม" ทำงานคนเดียว ไม่มีทีมขาย เจ้าหน้าที่ภาคสนามคนเดียวที่เฮียมีคือลูกชายของคนสนิท
แล้วก็ไม่ใช่ขี้ๆ เป็นถึงกำนันหรือพ่อหลวง แต่มาขับรถให้เฮียนั่ง เพราะมีบุญคุณกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่
ในตลาดเมืองไทย ลามไปถึงประเทศเพื่อนบ้าน เฮียคนเดียวลุยกับบริษัทที่มีพนักงานมากกว่า 30 คนได้
ถ้าพูดถึง "เฮียส้ม" กับน้องๆ บริษัทนี้ ก็จะได้คำตอบว่า "เออ ปล่อยเจ็กแกไปเถอะพี่"
น้ำเสียงไม่ได้แสดงความสงสารนะ แต่ขยาด "เฮียส้ม" ของผมชะมัด
เพื่อนร่วมงานชาวต่างชาติของผมถึงกับสบประมาทแกว่าเป็นแค่ลุงแก่ที่ไร้พิษสงในธุรกิจเมล็ดพันธุ์
ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่ไม่กลัวนะหน่ะ จากวันที่พูดจนถึงวันนี้ อีกไม่กี่วันก็ครบ 1 ทศวรรษแล้ว
ยังดันสินค้าของบริษัทเราเองเข้าไปเข่นสินค้าของ "เฮียส้ม" ลงไม่ได้เลย ไม่เชื่ออย่าลบหลู่
แล้วพืชที่เฮียแกเลือกมาขาย ก็ไม่ใช่พืชไก่การาศีธนู (อันนี้ราศีเกิดผมเอง ผมเลยยกมาอ้างอิงได้)
เอาเป็นว่ามีบริษัทที่นำพืชเหล่านี้เข้ามาขายไม่ถึง 5 บริษัทก็แล้วกัน ไม่ใช่แพงนะ แต่คัดสายพันธุ์ยากชะมัด
ผมเคยนั่งประเมินสายพันธุ์ตัวต่อตัวกับ "เฮียส้ม" ขับรถออกมา แวะซื้อพาราฯ เข้าที่พัก กินยาแล้วนอนเลย
"เฮียส้ม" ไล่ต้อนดูดข้อมูลลักษณะสายพันธุ์ที่ปรากฏในแปลงทดลองแต่ละสถานที่จากผมซะหมดตับ อะตะมะอิไตโย๋
ไม่ใช่แกถามเอาจากผมอย่างเดียว แต่แกไปทดสอบของแกมาด้วย ถ้าผลไม่ตรงกันล่ะเป็นเรื่อง ... เกมยืดเยื้อทันที
"เฮียส้ม" ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ทานแต่อาหารที่ดีต่อสุขภาพ ที่ไหนอร่อยแกไปมาหมด
ร้านอาหารจีนดังๆ ที่เชียงใหม่ "เจี่ยท้งเฮง" แกบุกหลังครัวไปสอนเชฟทำอาหารมาแล้ว
ไม่ได้ทึ่งความสามารถในการทำอาหารของแก แต่ทำไมแกกล้าบุกไปกลางดงทรีนเชฟแบบนั้น
"เฮียส้ม" ใช้เงินและของใช้คุ้มค่ามาก โทรศัพท์มือถือใช้จนแบตฯ เลิกผลิต โปรฯ ใช้ตัวที่คุ้มที่สุด
เติมน้ำมันใช้บัตรเครดิตที่มีส่วนลดกับแถมน้ำขวด รถยนต์ 4 ประตูที่ใช้น่าจะถอยมาช่วงพร้อมผมเรียนจบ
จองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าปีสองปี เลยได้ราคาถูกสุดติ่ง แกเป็นคนบอกผมว่า "ชินคันเซน" มีตั๋วเหมาระยะสั้น
ฟังราคาแล้วอยากจะเป็นลม ถูกกว่าเที่ยวเดียวของคนญี่ปุ่นขึ้นเองเสียอีก เออ ... แกก็ช่างสรรหาเนาะ
วิธีการคิดของ "เฮียส้ม" ไม่ซับซ้อน ขายได้ขาย ขายไม่ได้ก็แจก เฮียบอกเดี๋ยวคราวหน้าเค้าก็ซื้อเองแหละ
เหมือนที่หลายๆ คนบอก คนที่เค้ารวยจริงๆ นี่ ไม่ใช่จะเรื่องมากนะ อะไรก็ได้
อะไรที่ต้องจ่าย แพงแค่ไหนก็จ่าย เช่น ค่าอาหาร หรือการศึกษาของลูก โอ้วววว เต็มที่
ผมเองก็อยากจะทำให้ได้อย่างแก ทำไปเลยโดยไม่มีเงื่อนไข ไม่ต้องคิดซับซ้อน
ความสำเร็จเป็นแค่ปลายทางของการกระทำ "เฮียส้ม" อาจจะไม่เคยคิดถึงผลเลยด้วยซ้ำ แค่ทำมัน ... แค่นั้น
บทเรียนที่ได้จาก "เฮียส้ม" ไอดอลคนโปรดในดวงใจของผม คือ
ไม่รู้ว่ารักรึปล่าว แต่เฮียส้มหลงไหลในงานที่ทำเลยล่ะ ไม่งั้นคงไม่ทำธุรกิจนี้โดยไม่ทำอย่างอื่นเลยมากกว่า 30 ปี
มุ่งเป้าไปที่ส่วนของตลาดที่ต้องใช้ความรู้ ข้อมูลในการตัดสินใจสูง ผู้เล่นน้อยราย จึงมีการแข่งขันในตลาดต่ำ
"รู้จริง" ในเรื่องของสินค้าหรือตลาด สำคัญมาก เฮียแกเล่นกับตลาดได้ดังใจ สินค้าขาดตลาดแต่พอขายทั้งปี
เฮียส้มมีคอนเน็กชั่นที่ดีกับคู่ค้า จึงมีโอกาสมากที่จะคัดเลือกสินค้าที่ดี ตรงกับความต้องการของตลาดมากที่สุด
เฮียส้มรู้จักผู้ค้าที่มีบทบาทในการตัดสินใจสูงในตลาด จึงมีความผิดพลาดในการคัดเลือกสินค้าน้อยมาก
ยืมมือคนของคู่แข่งช่วยกระจายข่าวสินค้า ซึ่งก็คือพนักงานขายของบริษัทอื่นที่ตามทุบสินค้าที่เฮียส้มขายอยู่
ใช้คนน้อยแต่มีอำนาจตัดสินใจสูง ซึ่งก็คือตัวเฮียส้มเอง สามารถตัดสินใจได้ทันทีเมื่อถึงจังหวะที่ต้องต่อรอง
เฮียส้มเป็นนักปฏิบัติ ลงมือทำก่อน สำเร็จน้อยกว่าล้มเหลว แต่ก็เพียงพอที่จะเป็นผู้ชนะและเขียนประวัติศาสตร์
ควบคุมต้นทุนให้ได้ต่ำที่สุดจนเป็นนิสัย เพื่อสร้างผลกำไรสะสม คงความสามารถของการแข่งขันได้ในระยะยาว
เปิดโอกาสให้ตัวเองตลอดเวลา ไม่ปิดกั้นการเติบโตของบริษัทไว้กับข้อจำกัดของธุรกิจ รู้จักเล่นกับกระแส
เอาแค่นี้แหละ ... เดี๋ยวเฮียส้มผ่านมาเห็นจะฟ้องหมิ่นประมาทโทษฐานพาดพิง ดูผ่านๆ ตานี่ก็หลายกระทงแล้ว
Comments